อาการปวดคอและไหล่กลายเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะคนที่ใช้มือถือหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน การก้มหน้าและเกร็งไหล่ทำให้เกิดความตึงเครียดและส่งผลต่อกระดูกสันหลัง

การทำโยคะเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการปวดและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับคอ ไหล่ และส่วนบนของร่างกาย การฝึกท่าโยคะอย่างสม่ำเสมอช่วยปรับสมดุลของกล้ามเนื้อ ลดความตึง และป้องกันอาการปวดเรื้อรังในระยะยาว
ทำไมก้มเล่นมือถือถึงทำให้ปวดคอและไหล่
การก้มหน้าเล่นมือถือเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อคอและไหล่ต้องแบกรับน้ำหนักของศีรษะมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความตึงและอาการปวด นอกจากนี้ท่าทางที่ไม่ถูกต้องยังทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนบนอ่อนแรงและเสียสมดุล
การเข้าใจสาเหตุของอาการช่วยให้เราเลือกท่าโยคะและวิธีปรับท่าทางได้ตรงจุดมากขึ้น ทำให้การฝึกโยคะมีประสิทธิภาพและลดอาการปวดได้อย่างชัดเจน
ผลกระทบจากการก้มเล่นมือถือ:
- กล้ามเนื้อคอและไหล่ตึงและอ่อนแรง
- กระดูกสันหลังส่วนบนเสียสมดุล
- อาจเกิดอาการปวดศีรษะและหลังส่วนบน
- ความยืดหยุ่นของร่างกายลดลง
ท่าโยคะแก้ปวดคอและไหล่ขั้นพื้นฐาน
เริ่มต้นด้วยท่าโยคะง่าย ๆ ที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อคอและไหล่ ท่าพื้นฐานเหล่านี้สามารถทำได้ทุกวัน แม้ในช่วงเวลาสั้น ๆ หลังตื่นนอนหรือตอนพักกลางวัน
การฝึกอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้กล้ามเนื้อคอและไหล่ยืดหยุ่นขึ้น ลดความตึงและปวด นอกจากนี้ยังช่วยปรับสมดุลร่างกายส่วนบนให้ดีขึ้น
ตัวอย่างท่าโยคะพื้นฐาน:
- ท่ายืดคอข้าง: ยืดคอโดยเอียงศีรษะไปด้านข้างอย่างช้า ๆ
- ท่าก้มคอ-เงยคอ: ช่วยคลายกล้ามเนื้อคอและเพิ่มความยืดหยุ่น
- ท่าไหล่หมุน: หมุนไหล่ไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อลดความตึง
- ท่าสะพานไหล่: ช่วยยืดกล้ามเนื้อไหล่และหน้าอก
ท่าโยคะลึกเพื่อคลายกล้ามเนื้อคอและไหล่
หลังจากทำท่าพื้นฐานแล้ว สามารถฝึกท่าลึกเพื่อยืดกล้ามเนื้ออย่างเข้มข้น ท่าลึกเหล่านี้ช่วยปลดล็อกความตึงที่สะสมและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อรอบคอและไหล่ การทำท่าลึกควรทำช้า ๆ และคงท่าไว้ 20–30 วินาทีต่อรอบ เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัวและป้องกันอาการบาดเจ็บ
ตัวอย่างท่าลึก:
- ท่าเด็กคอยืดไหล่: ก้มตัวไปข้างหน้าและยืดแขนไปข้างหน้า
- ท่าแมว-วัว: ขยับกระดูกสันหลังและคอร่วมกัน
- ท่าหมุนไหล่กับแขนตรง: ยืดกล้ามเนื้อรอบไหล่และหลังบน
- ท่ายกแขนเหนือศีรษะ: ช่วยเปิดหน้าอกและลดอาการตึง
เทคนิคปรับท่าทางขณะเล่นมือถือ
การปรับท่าทางขณะใช้มือถือช่วยลดความตึงของคอและไหล่ได้อย่างมาก การวางมือถือในระดับสายตาและนั่งหลังตรงช่วยลดแรงกดบนกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้ การเว้นช่วงพักทุก 30–45 นาที เพื่อทำท่าโยคะหรือยืดเส้นเล็ก ๆ จะช่วยลดความตึงและป้องกันอาการปวดเรื้อรัง
เทคนิคปรับท่าทาง:
- ยกมือถือให้สูงระดับสายตา เพื่อลดการก้มคอ
- นั่งหลังตรงและปรับเก้าอี้ให้รองรับหลังส่วนบน
- เว้นช่วงพักทุก 30–45 นาที ยืดคอและไหล่
- ใช้หมอนหรือพนักพิงช่วยพยุงหลังส่วนบน
รวมท่าฝึกง่าย ๆ ทำทุกวัน
การรวมท่าฝึกง่าย ๆ ทำเป็นประจำทุกวันช่วยให้กล้ามเนื้อคอและไหล่แข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น การฝึกวันละ 10–15 นาทีเพียงพอสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด เริ่มจากท่าง่ายไปท่าลึกและทำเป็นวงจร จะช่วยให้ร่างกายค่อย ๆ ปรับตัวและลดความเสี่ยงอาการปวดในระยะยาว
ตัวอย่างวงจรฝึก:
- เริ่มด้วยท่ายืดคอข้างและก้ม-เงยคอ
- ต่อด้วยหมุนไหล่และสะพานไหล่
- ทำท่าเด็กคอยืดไหล่และแมว-วัว
- ปิดท้ายด้วยยกแขนเหนือศีรษะเพื่อเปิดหน้าอก
คำแนะนำเพื่อป้องกันอาการปวดคอและไหล่
นอกจากการทำโยคะ การปรับพฤติกรรมประจำวันก็สำคัญ เช่น การนั่งทำงานให้ถูกท่า ใช้อุปกรณ์เสริม เช่น หมอนพิงหลัง และหลีกเลี่ยงการก้มหน้ามือถือต่อเนื่องเป็นเวลานาน
การใส่ใจเรื่องพฤติกรรมและทำโยคะเป็นประจำจะช่วยลดอาการปวด เพิ่มความยืดหยุ่น และป้องกันการบาดเจ็บในระยะยาว
คำแนะนำเพิ่มเติม:
- นั่งและยืนหลังตรงเสมอ
- เว้นช่วงพักทุก 30–45 นาที
- ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงหลังและคอ
- ทำโยคะเป็นประจำวันละ 10–15 นาที
บทสรุป: ท่าโยคะแก้ปวดคอ ไหล่จากก้มเล่นมือถือ
การทำ ท่าโยคะแก้ปวดคอ ไหล่จากก้มเล่นมือถือ เป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลดีในการลดความตึงและอาการปวด การฝึกท่าพื้นฐานและท่าลึกอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับการปรับท่าทางขณะใช้มือถือและเว้นช่วงพัก จะช่วยให้กล้ามเนื้อคอและไหล่แข็งแรงและยืดหยุ่นมากขึ้น
นอกจากนี้การใส่ใจพฤติกรรมประจำวันและทำโยคะสม่ำเสมอจะช่วยลดอาการปวดเรื้อรัง ป้องกันอาการบาดเจ็บ และทำให้ร่างกายมีความสมดุลพร้อมสำหรับกิจกรรมประจำวันในยุคดิจิทัล














































